มาดูเทคโนโลยีการขับขี่ในยุคหน้ากันคับใก้ลเหมือนในหนังเข้าไปทุกที
หลายๆ ท่านอาจจะคุ้นเคยกับระบบควบคุมความเร็วในขณะเดินทางกันดีอยู่ แล้ว กับความสะดวกสบายจากการที่ไม่ต้องมานั่งคุมคันเร่งแต่อย่างใด ถ้า เป็นของเมืองนอกเมืองนาที่ถนนค่อนข้างโล่ง มันก็คงจะเป็นผู้ช่วยแสนดีอยู่ ไม่น้อย แต่กับบ้านเราที่เดี๋ยวมีมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า, หลบหลุมหรือต้องแซง รถใหญ่ที่อยากจะวิ่งขวาบ้างล่ะก็ ซึ่งต้องเบรคต้องเร่งอยู่ตลอดเวลา เพราะ ฉะนั้นจะมีหรือไม่มี Cruise Control ก็แทบจะไม่ต่างกันเลยล่ะครับ
เป็นงานสุดบรรเจิดจาก 5 ผู้สมรู้ร่วมคิดแห่งเกาะอังกฤษ ที่นอกจากจะช่วยให้ การเดินทางนั้นสะดวกสบายและราบรื่นยิ่งกว่าเดิมแล้ว ยังช่วยเรื่องอัตราการสิ้น เปลืองและมลภาวะได้อีกด้วย โดยระบบจะทำการคำนวณในส่วนของเส้นทางที่ ดีที่สุด ผ่านสภาพการจราจร, ภูมิประเทศ, ความโค้งของถนน, ทางแยก, เนิน หลังเต่า, สัญญาณไฟจราจร, ความเร็วที่จำกัด ณ บริเวณนั้นๆ และข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางของคุณ จากนั้นระบบก็จะสั่งการไปยังลิ้นเร่งและเบรคสำหรับการขับขี่ในบริเวณนั้นๆ ซึ่งก็จะช่วยให้ความเร็วของรถไม่เกินไปจากที่กฎหมายกำหนด, ลดความเร็วอัตโนมัติก่อนถึงโค้ง (เนินหลังเต่า หรือวงเวียน) และรู้กระทั่งว่าต้องหยุด หากสัญญาณไฟจราจรยังเป็นสีแดง ซึ่ง คาดว่านวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองลงได้ถึง 5-24 % เลยที เดียว และน่าจะได้ใช้กันไม่เกินปี 2012 ที่จะถึงนี้
นวัตกรรมอันชาญฉลาดดังที่กล่าวมา จะประกอบไปด้วยผู้ช่วยสุดไฮเทคอย่าง Adaptive Cruise Control ที่ยกระดับความแสนรู้ของ Cruise Control กับการ เพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างให้ เหมาะสมกับความเร็วของรถคันหน้าและของเรานั่นเองล่ะครับ ซึ่งจะตามมาด้วย Learning to Read Speed Signs กับเทคโนโลยีที่ช่วยให้ตัวรถสามารถอ่าน ป้ายจำกัดความเร็วได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับ
การขับขี่แล้ว ยังช่วยให้คุณรอดพ้นจากใบสั่งได้อีกด้วย กับผลการทดลองโดย ใช้ระบบนำทางผ่านสัญญาณดาวเทียมในโทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อเข้ากับกล่อง ECU (อย่างไรไม่ระบุ) เพื่อวิเคราะห์สภาพเส้นทางที่คุณจะต้องขับผ่าน จากนั้นระบบก็จะเป็นคนจัดการเรื่องการใช้คันเร่งกับเบรคให้คุณเอง ซึ่งประสิทธิภาพในการตอบสนองของตัวรถ (รถไฮบริด) พบว่าทำอัตราการสิ้นเปลืองดีขึ้นกว่าเดิม 5-24 % เลยล่ะครับ
คล้ายๆ กับระบบนำทางด้วยสัญญาณดาวเทียม แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว เพราะระบบนั้นจะสามารถควบคุมความเร็วของตัวรถได้ผ่านระบบ Adaptive Cruise Control และ Regenerative Braking ผสานด้วยระบบนำทางด้วยสัญญาณ ดาวเทียม เพื่อให้ตัวรถเคลื่อนที่ได้ตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดและยังสอด คล้องกับสภาพการจราจรในขณะนั้นๆ อีกด้วย ซึ่งก็รวมไปถึงการนับถอยหลังสู่ สัญญาณไฟเขียว ที่ระบบจะลดความเร็วโดยอัตโนมัติหากว่าสัญญาณไฟจราจร ยังแดงโร่อยู่ ยิ่งจับคู่กันกับรถไฮบริดก็ยิ่งเป็นผล เพราะว่าจะช่วยทำให้ระบบ Regenerative Braking สามารถชาร์จไฟได้ในขณะชะลอความเร็ว กลับไปยัง แบตเตอรี่ได้อย่างเต็มๆ และยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในขณะขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเห็นผล พูดง่ายๆ ก็คือ คุณมีหน้าที่แค่ขยับพวงมาลัย ส่วนแป้นคันเร่งและเบรค ระบบจะทำหน้าที่ควบคุมเองครับ
โดยระบบดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาและทดสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะให้พร้อมใช้สำหรับ Production Cars ในปี 2012 ที่จะถึงนี้ โดยประเทศ อังกฤษคาดว่าน่าจะช่วยลดการใช้ปริมาณน้ำมันดิบได้ถึง 460 ล้านลิตร/ปี (แต่ ไม่ระบุปริมาณรถ) เลยทีเดียว และนอกจากปริมาณดิบที่ใช้จะน้อยลงแล้ว ข้อดี อีกประการก็คือมลภาวะที่ทำให้โลกร้อน ก็จะลดลงไปอีกด้วย เรื่องไฮเทคนี่ไม่ เถียง แต่มันคงรู้สึกแปลกๆ พิกลที่ขับรถไป แล้วบังคับได้แค่พวงมาลัยนี่ดิครับ นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะเก้ๆ กังๆ ซักแค่ไหนน้อ ?
Cr.https://www.phithan-usedcar.com/usedcar_article_phithan.php?phithan_id=101