คงเป็นที่สงสัยสำหรับท่านเจ้าของรถยนต์หลายๆท่านว่า หากได้นำรถยนต์ที่ใช้งานไปติดตั้งส่วนประกอบเพิ่มเติม อาทิ เช่น ติดตั้งเชื้อเพลิงแก๊ส (2 ระบบ) หรือไปติดตั้งเครื่องเสียงราคาแพง หรือมีการทำอะไรเพิ่มเติม ที่ไม่ใช่มาตรฐานโรงงานประกอบรถยนต์ เจ้าของรถจะต้องแจ้งบริษัทที่ทำประกันไว้หรือไม่ และอัตราเบี้ยประกันจะเป็นเช่นไร ลองมาทำความเข้าใจกันนะครับ
ในการกำหนดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย เช่น กลุ่มประเภทของรถ , อายุของรถ , ทุนประกันหรือแม้กระทั่งอายุของผู้ขับขี่เองก็ตาม ดังนั้น หากท่านเจ้าของรถมีการติดตั้งชิ้นส่วนประกอบเพิ่มเติมก่อนหรือหลังจากที่ตกลงทำประกันภัยแล้ว เจ้าของรถมีหน้าที่จะต้องแจ้งให้กับบริษัทประกันภัยได้รับทราบ โดยอัตราเบี้ยประกันภัยคงเป็นไปตามสัดส่วนของมูลค่าของส่วนที่มีการติดตั้งเพิ่มเติม และต้องชำระเบี้ยประกันเพิ่มในทุนประกันที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำประกันอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนของรถที่ท่านเป็นเจ้าของ และร่วมถึงทรัพย์สินต่างๆที่เพิ่มเติม หากท่านไม่ทำการแจ้งต่อบริษัท ผู้รับประกันความเสียหายให้ได้รับทราบ ความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นของรถที่เอาประกัน ท่านจะได้รับความคุ้มครองประกันภัยที่ไม่สมบูรณ์ หมายความว่า บริษัทผู้รับประกันมีสิทธิ์จ่ายสินไหมทดแทน ตามจำนวนที่ผู้เอาประกันแจ้งไว้ส่วนแรก และส่วนที่มีการติดตั้งเพิ่มเติมจะไม่สามารถเรียกร้องสินไหมทดแทนได้ ก็เท่ากับว่า บริษัทผู้รับประกันจะคุ้มครองเฉพาะตัวรถ และอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาจากโรงงานเท่านั้น
เมื่อเป็นดังที่กล่าวมา อย่าละเลยที่จะแจ้งส่วนที่ติดตั้งเพิ่มเติม แก่บริษัทผู้รับประกันของท่านและก่อนตัดสินใจทำประกันภัยที่ใด อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการทำประกันภัยรถยนต์ นะครับผม
Cr. https://phithan-toyota.com/th/article/detail/1067/3